Abstract:
งานวิจัยดังกล่าวใช้เทคนิคการวิจัยแบบผสม มีวัตถุประสงค์ สามประการคือ มีวัตถุประสงค์ 3
ประการ ได้แก่ (1) เพื่อเปรียบเทียบความได้เปรียบทางการแข่งขันของธุรกิจ จ าแนกตาม หมวดธุรกิจและทุน
จดทะเบียนของ ธุรกิจ SMEs ในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (2) เพื่อศึกษาอิทธิพลของตัวแบบ
ประสิทธิภาพการใช้สารสนเทศทางการบัญชีที่ส่งผลต่อความได้เปรียบทางการแข่งขันของธุรกิจ SMEs ในเขต
สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ (3) เพื่อศึกษาทิศทางของการสร้างประสิทธิภาพการใช้สารสนเทศทางการ
บัญชีที่ส่งผลต่อความได้เปรียบทางการแข่งขันของธุรกิจ SMEs ในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงศึกษา
ถึงโอกาสและอุปสรรคต่อความส าเร็จจากทิศทางดังกล่าว ประชากร ที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารสูงสุด
ทางด้านการบัญชีของธุรกิจในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จ านวน 3,771 คน ค านวณผลโดยใช้สูตรของทา
โร ยามาเน่ ที่ความคลาดเคลื่อน 0.05 ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่าง จ านวน 362คน ใช้การสุ่มตัวอย่าง แบบโควตา
ในขณะที่กลุ่มเป้าหมายในการสัมภาษณ์เจาะลึกจ านวน 8 ราย ใช้การเลือกตัวอย่างแบบเจาะจง ข้อมูลที่ใช้
จัดเก็บได้แก่แบบสอบถามที่ผ่านความตรงเชิงเนื้อหาและความเชื่อมั่น สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบ
ไปด้วย ร้อยค่า ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว และการวิเคราะห์
เส้นทางด้วยสมการเชิงโครงสร้าง และใช้การสัมภาษณ์เจาะลึก น าผลที่ได้จากการสัมภาษณ์มาวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่าผู้ตอบผลการวิจัยพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 56.63) มีอายุ
ในช่วง 31-40 ปี (ร้อยละ 62.15) การศึกษาจบระดับปริญญาตรี (ร้อยละ 69.06) ประสบการณ์งานคือ 6-10
ปี (ร้อยละ 35.36) อยู่ในหมวดธุรกิจ กิจกรรมพาณิชยการ (ร้อยละ 49.72) และมีทุนจดทะเบียน 10-30 ล้าน
บาท (ร้อยละ 62.98) ผลการตอบวัตถุประสงค์การวิจัยพบว่า1. ความได้เปรียบทางการแข่งขันของธุรกิจ ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติเมื่อจ าแนก
ตาม หมวดธุรกิจ แต่ ความได้เปรียบทางการแข่งขันของธุรกิจ มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติเมื่อ
จ าแนกทุนจดทะเบียนของ ธุรกิจ SMEs ในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
2. ปัจจัยที่ส่งผลทางตรงต่อประสิทธิภาพการใช้สารสนเทศทางการบัญชี ของธุรกิจ SMEs ในเขตสาม
จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบไปด้วย คุณลักษณะเฉพาะของผู้ใช้งาน (Γ=0.22) การมีส่วนร่วมของผู้ใช้งาน
(Γ=0.11) โครงสร้างองค์กร (Γ=0.18) การสนับสนุนของผู้บริหารระดับสูง (Γ=0.58) และ คุณภาพของระบบ
สารสนเทศทางการบัญชี (Γ=0.26) ปัจจัยที่ส่งผลทางอ้อมต่อความได้เปรียบทางการแข่งขันของธุรกิจ SMEs
ในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย คุณลักษณะเฉพาะของผู้ใช้งาน (Γ=0.20) การมีส่วนร่วมของ
ผู้ใช้งาน (Γ=0.10) โครงสร้างองค์กร (Γ=0.17) การสนับสนุนของผู้บริหารระดับสูง (Γ=0.53) และ คุณภาพ
ของระบบสารสนเทศทางการบัญชี (Γ=0.24)ส่วนประสิทธิภาพการใช้สารสนเทศทางการบัญชี ส่งผลต่อความ
ได้เปรียบทางการแข่งขันของธุรกิจ SMEs ในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (β = 0.92)
3. ผลการศึกษา ทิศทางของการสร้างประสิทธิภาพการใช้สารสนเทศทางการบัญชีที่ส่งผลต่อความได้เปรียบ
ทางการแข่งขันของธุรกิจ SMEs ในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ข้อสรุปว่า ความได้เปรียบทางการ
แข่งขันของธุรกิจ SMEs ในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีหลายด้าน เนื่องจากพื้นที่สามจังหวัดชายแดน
ภาคใต้มีเขตภูมิศาสตร์ติดต่อกับประเทศมาเลเซีย การได้ส่วนลดภาษีเงินได้และเพิ่มสวัสดิการอื่นๆให้กับ
ผู้ประกอบการ อีกทั้งสภาพเหตุการณ์ท าให้คู่แข่งนอกพื้นที่เข้ามาท าธุรกิจน้อย หากจะเพิ่มศักยภาพในความ
ได้เปรียบทางการแข่งขันของธุรกิจ SMEs ในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ควรมีการด าเนินการโดยเริ่มต้น
จากการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการให้รู้กระบวนการบริหารจัดการร้านค้าและบริษัทของตนเองว่าควร
จะมีโครงสร้างองค์การอย่างไรถึงจะเหมาะสมกับการบริหารจัดการ ใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง และการส่งเสริม
ผู้ประกอบการให้ได้รับมาตรฐานสากลส าหรับการผลิต พัฒนาสินค้าให้ได้มาตรฐานมีเครื่องหมายมาตรฐาน
รับรอง มีช่องทางการจัดจ าหน่ายที่หลากหลาย มีเครือข่ายในการจัดการหาลูกค้า มีการจัดบริการให้ครบวงจร
ใช้งานมีคุณภาพ มีการบริหารจัดการแบบเชิงรุกเพื่อการเพิ่มลูกค้าใหม่ และการให้บริการที่สร้างความ
ประทับใจแก่ลูกค้า ดังนั้น ทิศทางของการสร้างประสิทธิภาพการใช้สารสนเทศทางการบัญชีที่ส่งผลต่อความ
ได้เปรียบทางการแข่งขันของธุรกิจ SMEs ในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องสร้างบุคลากรทางด้านการ
บัญชีออกสู่ตลาดในสามจังหวัด เป็นโอกาสในการสร้างงานที่ขาดแคลน ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจ และฉาย
ภาพให้เห็นถึงประโยชน์และความคุ้มค่าต่อธุรกิจ หากน าสารสนเทศทางการบัญชีมาใช้ และโอกาสที่จะส่งผล
ส าเร็จจากทิศทางดังกล่าว การรับรู้บริบทจริงขององค์กรในปัจจุบัน และสามารถน าข้อมูลดังกล่าวมาแก้ไข มี
การเตรียมพร้อมหรือก าหนดกลยุทธ์ในด้านต่างๆ เพื่อให้ทันต่อการแข่งขันในตลาดปัจจุบัน ส่วนอุปสรรคคือ
ทัศนคติและความไม่เข้าใจของผู้ประกอบการเกี่ยวกับสารสนเทศ ขาดการมองภาพในองค์รวม ท าให้ขาดการ
เข้าใจถึงการน าสารสนเทศไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์